Delight Iceland

8 วัน 5 คืน
Category:
  • Delight-Iceland-8D5N-05
  • Delight-Iceland-8D5N-06
  • Delight-Iceland-8D5N-07
  • Delight-Iceland-8D5N-02
  • Delight-Iceland-8D5N-03
  • Delight-Iceland-8D5N-04
DEPARTURE/RETURN LOCATION สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8 แถว S สายการบินฟินแอร์ (AY)
DEPARTURE TIME โปรดถึงเค้าเตอร์สนามบินก่อน 2 ชม. การเดินทาง
อัตรานี้รวม
ค่าธรรมเนียมในการขอยื่นวีซ่ากลุ่มเชงเก้นทางสถานทูตจะไม่คืนเงินค่าธรรมเนียมทุกกรณี
ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นทัศนาจรไป-กลับ โดยสายการบินไทย (AY)
ค่าที่พักระดับมาตรฐาน (ห้องละ 2-3 ท่าน) ตามที่ระบุในรายการ
ค่ารถปรับอากาศ และบริการนำเที่ยวตามที่ระบุในรายการ
ค่าเข้าชมสถานที่ และค่าธรรมเนียมตามที่ระบุในรายการ
ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
ค่าประกันภัยในการเดินทาง 2,000,000 / 500,000 บาท (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
อัตรานี้ไม่รวม
ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3% กรณีต้องการใบเสร็จ (เฉพาะกรุ๊ปเหมาเท่านั้น)
ค่าน้ำหนักของกระเป๋าในกรณีเกินกว่าสายการบินกำหนดให้ 20 กิโลกรัมต่อหนึ่งคน
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ นอกรายการ อาทิ ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด และค่าเครื่องดื่มในห้องพัก
ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถท้องถิ่น ท่านละ 2 ยูโร / คน / วัน
คนขับรถท้องถิ่น ท่านละ 2 ยูโร / คน / วัน
ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย ขั้นต่ำ 100 บาท / วัน / คน

 

วันเดินทาง

ราคา

มกราคม 13 – 20 ม.ค. 63

89,900

กุมภาพันธ์ 5 – 12 ก.พ. 63

26 ก.พ. -4 มี.ค. 63

มีนาคม 11 – 18 มี.ค. 63

18 – 25 มี.ค. 63

24 – 31 มี.ค. 63

เงื่อนไขในการจองทัวร์
1. สำหรับการจอง กรุณาชำระเงินมัดจำท่านละ 30,000 บาท (หลังจองภายใน 3 วัน) พร้อมสำเนาหนังสือเดินทาง
2. ชำระยอดทั้งหมดก่อนการเดินทางไม่น้อยกว่า 30 วัน
3. หากไม่ชำระค่าใช้จ่ายภายในกำหนด ทางบริษัทจะถือว่าท่านยกเลิกการเดินทางโดยอัตโนมัติ

การยกเลิกและคืนค่าทัวร์
1.ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วันขึ้นไป คืนมัดจำทั้งหมด
2.ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วันขึ้นไป เก็บค่าใช้จ่ายเบื้องต้น 5,000 บาท
3.ยกเลิกก่อนการเดินทาง 25-30 วัน เก็บเงินมัดจำทั้งหมด
4.ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-25 วัน เก็บค่าใช้จ่าย 50% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด
5.ยกเลิกก่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ขอเก็บค่าใช้จ่าย 100% ของราคาค่าทัวร์ทั้งหมด

หมายเหตุ
1. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ยกเลิกการเดินทางก่อนล่วงหน้าในกรณีที่ผู้เดินไม่ถึง 30 ท่าน และทางบริษัทยินดีคืนเงินโดยหักเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามจริง
2. บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางประการ เมื่อเกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย และไม่รับผิดชอบใดๆ ในกรณีที่สูญหาย สูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บที่นอกเหนือความรับผิดชอบของหัวหน้าทัวร์ เช่นภัยธรรมชาติ ปัญหาการเมือง เป็นต้น
3. เนื่องจากรายการทัวร์นี้เป็นแบบเหมาจ่ายเบ็ดเสร็จ หากท่านสละสิทธิ์การใช้บริการใดๆ หรือถูกปฏิเสธการเข้าประเทศไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินในทุกกรณี
4. เมื่อท่านได้ชำระเงินมัดจำหรือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านตัวแทนของบริษัทหรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทจะถือว่าท่านรับทราบและยอบรับเงื่อนไขต่างๆ ของบริษัทฯที่ได้ระบุไว้โดยทั้งหมด

วันแรก             สนามบินสุวรรณภูมิ

20.00 น.           พร้อมกันที่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 8 แถว S สายการบินฟินแอร์ (AY) เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับพร้อมบริการติดป้ายชื่อพร้อมริบบิ้นให้กับกระเป๋าทุกท่าน

23.05 น.         ออกเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY144 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่สอง           เฮลซิงกิ – เรคยาวิค – เซลฟอสส์ – น้ำตกเซลจาลันด์สฟอสส์ – สโคการ์ – น้ำตกสโคการ์ – วิค

07.40 น.         ออกเดินทางสู่ เมืองเรคยาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY991 (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

09.30 น.           เดินทางถึง สนามบินเคฟลาวิค (Keflavik Airport) ประเทศไอซ์แลนด์ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง เดินทางไปยังเมือง เซลฟอสส์ (Selfoss) ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศไอซ์เจริญ เป็นเมืองที่มีเขตตัวเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์ เนื่องจากเป็นทั้งเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า รวมถึงอุตสาหกรรมของประเทศ และเนื่องจากอยู่ห่างจากเมืองหลวงเรคยาวิคเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร ทำให้ง่ายที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว

เที่ยง                รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

นำท่านเดินทางไปยัง น้ำตกเซลจาลันด์สฟอสส์ (Saljalandsfoss) น้ำตกที่มีความสูงถึง 60 เมตรแห่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำเซลจาลันด์ส (Seljalandsa) โดยมีตาน้ำอยู่ที่ธารน้ำแข็ง Eyjafjallaokull และที่น่าสนใจก็คือ เราสามารถที่จะเดินเข้าไปยังถ้ำเล็กๆ หลังม่านน้ำตกเพื่อชมวิวจากอีกมุมมองได้อีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สโคการ์ (Skogar) หมู่บ้านเล็กๆ แสนเงียบสงบที่แม้จะมีประวัติการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยชาวไวกิ้ง แต่ก็เป็นเพียงหมู่บ้านเกษตรกรรมเล็กๆ เลยมีประชากรอยู่เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น หมู่บ้านแห่งนี้กลับมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักเพราะเป็นเมืองที่ตั้งของ น้ำตกสโคการ์ (Skogar) นำท่านชมน้ำตกที่มีความสูง 60 เมตร กว้าง 15 เมตร ด้วยความสูงนั้นทำให้สายน้ำที่ทิ้งตัวลงมาดูเหมือนม่านน้ำสีขาวขนาดใหญ่ ดูแล้วงดงามชวนมองมาก และด้วยละอองน้ำที่เกิดจากน้ำตกที่ฟุ้งกระจายอยู่นั้นจะทำให้เกิดรุ้งกินน้ำให้ได้เห็นอยู่บ่อยๆ เลย และหากอยากได้วิวสวยๆ ในอีกมุมหนึ่งนั้นก็แนะนำให้เดินไต่ขึ้นบันได 428 ขั้น ขึ้นไปยังด้านบนเนินเหนือน้ำตก และที่ด้านบนนี้ก็จะทำให้สามารถชมวิวกว้างโดยรอบได้แบบไม่มีอะไรบดบังอีกด้วย น้ำตกสโคการ์ถือเป็นน้ำตกที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของไอซ์แลนด์และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งของประเทศเลย แล้วนำท่านสู่เมือง Vik (วิค) เมืองเล็กๆ ที่อยู่ใต้สุดของประเทศ เป็นเมืองริมทะเลที่ให้บรรยากาศเงียบสงบ แต่มากด้วยทิวทัศน์แสนงามโดยเฉพาะชายหาดที่เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในชายหาดที่สวยที่สุดในโลก

เย็น                  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

                        นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม Hotel Katla by Keahotels หรือระดับเดียวกัน

วันที่สาม          โจกุลซาร์ลอน – หาดไดมอนด์ – เคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ – ทุ่งลาวา Eldharun – วิค – หาดทรายดำ

เช้า                   บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ โจกุลซาร์ลอน (Jokulsarlon) ทะเลสาบธารน้ำแข็งที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ โจกุลซาร์ลอนนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 1934-1935 จากการที่ธารน้ำแข็งได้ละลายจนกลายเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสายน้ำไหลอยู่นั้นเอง แต่เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นในทุกๆ ปีทะเลสาบก็ค่อยๆ ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ จนมีขนาดใหญ่ดังในปัจจุบันที่กว้างถึง 18 ตางกิโลเมตร และลึกถึง 200 เมตร บวกกับน้ำแข็งก้อนน้อยใหญ่มากมายที่กระจายอยู่โดยทั่วบริเวณทะเลสาบธารน้ำแข็งทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ให้มาชมทัศนียภาพแสนสวยและแปลกตาที่หาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้วแน่นอน จากนั้นนำท่านสู่ หาดไดมอนด์ (Diamond Beach) หาดทรายสีดำที่เกิดจากหินภูเขาไฟที่แดกตัว แต่จุดเด่นของหาดแห่งนี้ไม่ใช่ทรายสีดำเหล่านี้ แต่คือก้อนน้ำแข็งสีขาวและสีฟ้าใสโปร่งในหลากหลายทรงและขนาด ยิ่งดูสวยและโดดเด่นขึ้นไปอีกเมื่อมาอยู่บนหาดทรายสีดำที่ดูตัดกันอย่างดี เมื่อเจอกับแสงอาทิตย์ก้อนน้ำแข็งเหล่านี้จะส่องประกายระยิบระยับสวยงามมาก เหมือนเพชรเม็ดใหญ่ที่อยู่บนผืนผ้าสีดำ ด้วยอากาศที่หนาวเย็นทำให้ก้อนน้ำแข็งนี้ละลายช้ามากจนดูไปแล้วเหมือนไม่ละลายเลย

เที่ยง                รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

แล้วนำท่านสู่ เคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์ (Kirkjubaejarklaustur) เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นที่อยู่มากตั้งแต่สมัยชาวนอร์สโบราณ เมืองนี้รายล้อมไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งและหนึ่งในนั้นก็คือ ทุ่งลาวา Eldharun (Eldharun Lava Field) ให้ท่านได้ชมทุ่งลาวาขนาดใหญ่ที่เกิดจากการปะทุครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกของรอยแยกลากิ (Laki) โดยการปะทุนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1783-1784 ที่ทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงทั้งไอซ์แลนด์และยุโรป และลาวาส่วนหนึ่งก็ได้ไหลมายังบริเวณหมู่บ้านเคิร์กยูแบร์ยาร์กเลาสเทอร์แห่งนี้ก่อนจะเย็นตัวลง เกิดเป็นทุ่งลาวากว้างประมาณ 560 ตารางกิโลเมตรที่เป็นทุ่งตะปุ่มตะป่ำสูงต่ำที่ล้วนปกคลุมไปด้วยหญ้ามอสเกิดเป็นทัศนียภาพแสนแปลกตาแต่ก็น่าชม ชวนให้ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกไม่แพ้ที่อื่นๆ เลย นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองวิคเพื่อชม หาดทรายดำ (Black Sand Beach) ที่เป็นความหลากหลายทางธรรมชาติที่น่าทึ่งอีกอย่างของไอซ์แลนด์ ด้วยเพราะหาดทรายแห่งนี้ไม่ได้มีสีขาวหรือสีน้ำดาล แต่กลับมีสีดำที่เกิดจากลาวาร้อนๆ ที่ไหลออกมาจากภูเขาไฟได้เจอกับน้ำทะเลที่เย็นจัดจนเกิดการแข็งตัวก่อนจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเหมือนทราย และที่ด้านบนชายหาดนี้ยังมีแท่งหินบะซอลท์ทรงแท่งเหลี่ยมจำนวนมากที่วางเรียงดูเป็นระเบียบราวถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ แต่ความจริงคือเกิดจากการที่ลาวาเจอกับความเย็นของน้ำทะเลอีกเช่นกัน ได้เป็นวิวแสนแปลกตาแต่ก็น่าทึ่งมากเช่นกัน

เย็น                  รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

                        นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม Hotel Katla by Keahotels หรือระดับเดียวกัน

 

วันที่สี่               น้ำพุร้อนกีเซอร์ – น้ำตกกูลฟอสส์ – อุทยานแห่งชาติธิงแควลลิร์ – เซลฟอสส์

เช้า                   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ น้ำพุร้อนกีเซอร์ (Geysir) ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของไอซ์แลนด์ และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่น้ำพุร้อนธรรมดาที่เห็นได้ทั่วไป เพราะน้ำพุร้อนกีเซอร์เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่มีมานานกว่า 10,000 ปีแล้ว และไม่ใช่น้ำพุร้อนที่พุ่งออกมาจากใต้พื้นดินตลอดเวลา แต่จะพุ่งออกมาเป็นช่วงๆ ห่างกันประมาณ 10 นาที ซึ่งน้ำพุร้อนที่ออกมานั้นจะพุ่งออกมาสูงขึ้นไปในอากาศสูงได้มากถึง 70 เมตรเลยทีเดียว ให้ท่านได้ชมและถ่ายภาพน้ำพุร้อนแสนตื่นตาแห่งนี้พร้อมชมวิวสวยๆ ของบริเวณโดยรอบ

เที่ยง                รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

แล้วนำท่านเดินทางต่อสู่ น้ำตกกูลฟอสส์ (Gullfoss) หนึ่งในความสวยงามที่ไม่ควรพลาดเลยของไอซ์แลนด์ ด้วยความยิ่งใหญ่ของน้ำตกกูลฟอสส์ที่แบ่งออกเป็น 2 ช่วงก่อนจะทิ้งตัวลงไปด้านล่างที่รวมความสูงแล้วประมาณ 32 เมตร ด้วยกระแสน้ำที่มาเร็วและแรงทำให้เกิดเป็นละอองสีขาวฟุ้งที่ด้านล่างของน้ำตก น้ำตกกูลฟอสส์ยังได้ชื่อว่า “ไนแองการ่าแห่งไอซ์แลนด์” อีกด้วย สวยและน่าทึ่งมากสมกับที่เป็นน้ำตกขี้นชื่ออันดับต้นๆ ของไอซ์แลนด์ ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแวะเวียนมาเยี่ยมชมน้ำตกแห่งนี้กันไม่ขาดสาย จากนั้นไปต่อกันที่ อุทยานแห่งชาติธิงแควลลิร์ (Thingvellir National Park) อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไอซ์แลนด์ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงอย่าง เรคยาวิค ไปเพียงแค่ 40 กิโลเมตรเท่านั้น ถือเป็นศูนย์กลางทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ทางธรณีวิทยาที่สำคัญของไอซ์แลนด์ และเป็นที่ๆ ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอีกเช่นกัน เพราะความอุดมสมบูรณ์และความสวยงามของทิวทัศน์ในพื้นที่กว้างใหญ่ของบริเวณอุทยานที่กว้างถึง 92.7 ตารางกิโลเมตร เป็นอุทยานที่งดงามในทุกๆ ฤดูกาล โดยทัศนียภาพจะเปลี่ยนไปในทุกๆ ฤดูกาล ได้เป็นความงามถึง 4 แบบที่ไม่ว่าจะเที่ยวช่วงไหนของปีก็ไม่พลาดที่จะได้ชมธรรมชาติสวยๆ แน่นอน และที่สำคัญอุทยานแห่งชาติธิงแควลลิร์นี้นั้น ทางองค์การยูเนสโก้ได้ทำการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปี 2004 จากนั้นนำท่านเดินทางกลังสู่ เมืองเซลฟอสส์ (Selfoss)

เย็น                  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม Hotel South Coast หรือระดับเดียวกัน

วันที่ห้า             เรคยาวิค – บลูลากูน – กิจกรรมล่าแสงเหนือ

เช้า                   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางสู่เมืองหลวงของประเทศไอซ์แลนด์เมือง เรคยาวิค (Reykjavik) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ อยู่ติดชายทะเลในทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในประเทศไอซ์แลนด์แต่ก็ยังคงเสน่ห์ในแบบไอซ์แลนด์ให้เห็นได้โดยรอบตัวเมืองไม่ว่าจะเป็นจากอาคารบ้านเรือ หรือสถาปัตยกรรมต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นทิวทัศน์โดยรอบเมืองเรคยาวิคก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำลำธาร ทุ่งหญ้า และภูเขาสูง ที่ชวนให้เที่ยวชมให้ครบในทุกๆ ส่วนเลย

เที่ยง                รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ บลูลากูน (Blue Lagoon) หรือ ทะเลสาบสีฟ้า บ่อสปาน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะในน้ำสีฟ้าขุ่นที่อุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียสนั้นอุดมไปด้วยแร่ธาตุจำนวนมากที่ดีต่อผิว และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้อย่างดี การลงไปแช่น้ำนั้นต้องใส่ชุดว่ายน้ำซึ่งจะมีจุดให้เปลี่ยนชุดแล้วล้างตัวก่อนจะลงสระ บลูลากูนแม้จะเพิ่งเกิดขึ้นในปี 1981 นี้เองแต่ก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยของไอซ์แลนด์ และมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมาก และอีกกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการพอกหน้าด้วยโคลน Silicon Mud Mask ที่จะบำรุงผิวหน้าให้อ่อนนุ่มและชุ่มชื้น เมื่อรวมแล้วบลูลากูนจึงเป็นเหมือนสปาชั้นเยี่ยมแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

เย็น                  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (อาหารไทย)

นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม Fosshotel Baron หรือระดับเดียวกัน

นำท่านทำกิจกรรม ตามล่าหาแสงเหนือ (Northern Lights) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “แสงออโรร่า” (Aurora Borealis) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ติดอันดับต้นๆ ของกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาด ติดกระแสความนิยมไม่เสื่อมคลาย ทั้งนี้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากฟ้าฝนและสภาพอากาศอย่างมากเพื่อให้ฟ้าเปิดเต็มที่แสงเหนือจึงจะปรากฏให้เห็นเป็นขวัญตา ด้วยเพราะแสงเหนือจะปรากฏเฉพาะตอนกลางคืนในช่วงฤดูหนาวที่ท้องฟ้าโปร่ง สภาพอากาศเหมาะสมเท่านั้น โดยจะเห็นเป็นแสงสีเขียวพาดผ่านท้องฟ้าสวยงามและตรึงตาอย่างที่สุด

วันที่หก            เรคยาวิค – โบสถ์ฮัลล์กริมสเคิร์คยา – บ้านฮอฟดิ – ศาลาว่าการเมือง – อาคารเพอร์แลน – บ้านภูเขาไฟ – ช้อปปิ้ง ถนน  Laugavegur

เช้า                   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เที่ยวชมเมือง เรคยาวิค (Reykjavik) ชม โบสถ์ฮัลล์กริมสเคิร์คยา (Hallgrimskirkja) โบสถ์ในนิกายลูเธอรันที่ดูยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์เด่นของไอซ์แลนด์อย่างภูเขาสูงและธารน้ำแข็ง ตัวโบสถ์ที่สร้างเสร็จในปี 1986 นี้สูงถึง 74.5 เมตรนี้เป็นแลนด์มาร์เด่นของเมืองที่สามารถเห็นได้ในแทบจะทุกๆ มุมเมือง แม้จะใช้เวลาสร้างนานถึง 41 ปี แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าการรอคอยเพราะตัวอาคารนั้นออกแบบเป็นเหมือนลาวาร้อนที่แข็งตัวกลายเป็นแท่งหินบะซอลท์ทรงเหลี่ยมเรียงไล่ระดับซ้อนกันจนได้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการ และที่ด้านหน้าโบสถ์นั้นจะพบกับรูปปั้นของ เลฟร์ อีริกสัน (Leif Erikson) หนึ่งในคนที่มีบทบาทสำคัญในการค้นพบทวีปอเมริกาเหนือและกรีนแลนด์ รูปปั้นชิ้นนี้ได้รับเป็นของกำนัลจากอเมริกามาในปี 1930 แล้วไปถ่ายรูปด้านหน้า บ้านฮอฟดิ (Hofdi House) บ้านที่ดูภายนอกแล้วเหมือนบ้านธรรมดาๆ ทั่วไป แต่บ้านหลังนี้เคยเป็นสถานที่ประชุมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โรนัลด์ แรเกน และประธานาธิบดีรัสเซีย มิเคล กอร์บาชอฟ เมื่อปี 1986 ในการหาข้อตกลงเพื่อยุติสงครามเย็น ตัวบ้านได้สร้างขึ้นในปี 1909 เคยเป็นที่อยู่ของทั้งนักกวี นักธุรกิจและนักการทูต ก่อนที่ทางการเรคยาวิคได้ทำการซื้อบ้านและบูรณะให้มีสภาพดีสมบูรณ์ที่สุด ปัจจุบันได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานประชุมและรับรองบุคคลสำคัญ ชม ศาลาว่าการเมือง (Reykjavik City Hall) อาคารที่ดูทันสมัยและออกแบบเป็นสไตล์โมเดิร์นแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเมืองเรคยาวิค เปิดใช้เมื่อปี 1992 เพื่อเป็นที่ทำการเมือง และยังใช้เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ จัดงานประชุม รวมไปถึงงานแสดงดนตรีด้วย จากนั้นนำท่านสู่ อาคารเพอร์แลน (Perlan) แลนด์มาร์กแสนเด่นอีกแห่งของไอซ์แลนด์ ตัวอาคารทรงกระบอกเหมือนแทง์น้ำขนาดใหญ่ครอบด้วยโดมแก้วแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนิน Oskjuhlio เหนือเมืองเรคยาวิค แต่เดิมนั้นอาคารนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บน้ำร้อนก่อนจะถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่จัดงานแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศไอซ์แลนด์ ธรรมชาติภูมิศาสตร์ของประเทศ และอื่นๆ อีกมาก นำท่านขึ้นไปยัง จุดชมวิว Observation Deck ที่อยู่บนชั้น 4 เพื่อชมวิวสวยๆ ของเมืองเรคยาวิคจากด้านบนแบบ 360 องศา ซึ่งจะมองเห็นทิวทัศน์รอบๆ ได้โดยทั่ว รวมไปถึงทุ่งกว้างและแนวทิวเขาที่รายล้อมเมือง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาดเลย

เที่ยง                รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร (อาหารพื้นเมือง)

นำท่านไปยัง บ้านภูเขาไฟ (Volcano House) สถานที่จัดแสดงเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของไอซ์แลนด์ ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของประเทศไอซ์แลนด์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงกลไกของการเกิดภูเขาไฟ ปฏิกิริยาที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา ในทุกๆ ชั่วโมงจะมีการแสดงสารคดีเกี่ยวกับการปะทุของภูเขาไฟให้ชม ในบ้านภูเขาไฟนี้ยังมีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกให้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากอีกด้วย จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่นช้อปปิ้งที่ ถนน  Laugavegur ถนนสายช้อปปิ้งยอดนิยมสายหนึ่งของเมืองเรคยาวิค ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านขายของที่ระลึกเรียงรายสองข้างทางให้ชมกันตามชอบ

เย็น                  รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (อาหารจีน)

                        นำท่านเข้าสู่ที่พัก ณ โรงแรม Fosshotel Baron หรือระดับเดียวกัน

นำท่านทำกิจกรรม ตามล่าหาแสงเหนือ (Northern Lights) เพื่อชมแสงเหนือปรากฎการณ์ยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว เป็นปรากฏการทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับแสงที่น่าตื่นตาที่สุดอย่างหนึ่ง และหากโชคดีฟ้าเปิด อากาศโปร่งก็จะได้เห็นแสงเหนือที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้ากันอย่างจุใจ

วันที่เจ็ด           เรคยาวิค – สนามบินเคฟลาวิค

เช้า                   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

                        นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบิน เดินทางกลับประเทศไทย

10.20 น.        ออกเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY992 แวะเปลี่ยนเครื่อง (ไม่มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

15.50 น.        ถึงสนามบิน เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แวะเปลี่ยนเครื่อง

16.50 น.        เดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินฟินแอร์ เที่ยวบินที่ AY141

(บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องบิน)

วันที่แปด          สุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

07.25 น.         เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิ์ภาพพร้อมความประทับใจ

Reviews

There are no reviews yet.

Be the first to review “Delight Iceland”

Your email address will not be published. Required fields are marked *